วัดโบสถ์
ที่อยู่ : เลขที่ 84 บ้านน้ำตก หมู่ที่ 1 ตำบลสะแกกรัง อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี
เวลาปิด-เปิด : 8.00 – 16.00 ทุกวัน

วันนี้เราจะเดินทางต่อไปทางอำเภอ ลานสักกัน โดยจะไปสามที่หลักๆ โดยที่แรกที่เราแวะก่อนคือ หุบป่าตาด ตลอดทาง ทางค่อนข้างสวยเลย ไม่รู้ว่าเป็นต้นอะไรแต่มีเป็นทางยาว สีเหลืองสวยมาก เนื่องจากเวลาที่ดีที่สุดในการดู 11.00-13.00 เพราะจะเป็นช่วงที่แสงพระอาทิตย์ส่งลงมาที่ถ้ำพอดี เหมาะกับการถ่ายรูปมากที่สุด! เราเลยไปแวะที่นี่ก่อน ทั้งๆที่ที่พักของเราคืนนี้ห่างไปอีกไม่กี่โลจากที่นี่ 555 เหตุผลที่เราเลือกกลับมาที่นี่เพราะอีกวันเราจะลงใต้ไปทางอำเภอบ้านไร่ซึ่งยังไงก็ต้องผ่านทางนี้ เราเลยตัดสินใจที่จะกลับมาครึ่งทางเพื่อพรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องใช้เวลาเดินทางเยอะเกินไป ทางเข้าเพื่อจะไปหุบป่าตาดมีวิวสวยมากจากทุ่งและภูเขา แนะนำให้เตรียมกล้องรอถ่ายรูปไว้เลยจ้า

หุบป่าตาดเป็น Unseen Thailand ตัวเอกของอุทัยฯ เพราะพอเข้าไปแล้ว รู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่อีกโลกนึง ตามที่คนมักจะพูดกันว่าที่นี่เปรียบเหมือน Jurassic Park Thailand อันนี้คือไม่เถียงจริงเพราะมันเหมือน! ประเด็นคือมันสวย มีต้นตาด พืชตระกูลต้นปาล์มที่เป็นตัวเอกของหุบป่าตาดนี้เลย โดยทุกอย่างขึ้นตามธรรมชาติ ทั้งหินงอกหินย้อยต่างๆ ซึ่งหุบเขานี้อยู่ในเขาปลาร้าอีกที แนะนำต้องเอาไฟฉายและยากันยุงไปด้วย เพราะจะมีช่วงทางเดินในถ้ำที่มืดประมาณ 40 เมตร แต่สามารถขอยืมไฟฉายเจ้าหน้าที่ได้เช่นกัน ระยะทางทั้งหมดอยู่ที่ 700 เมตร เดินประมาณ 20 นาที (ถ้าไม่รวมถ่ายรูปเล่น) เริ่มจากผ่านถ้ำมืดแค่แปปเดียว จากนั้นเริ่มเดินลงหุบเขา เย็น สบาย เพราะมีต้นไม้รองรับแสงแดด นอกจากนั้นยังมีกิ้งกือสีชมพู ซึ่งเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของงานนี้ด้วย เพราะมีที่เดียวในโลกเลยจ้าาโดยได้รับการประกาศให้เป็นสุดยอดการค้นพบสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่อันดับ 3 ของโลก ซึ่งในประเทศไทยสามารถพบได้ที่บริเวณหุบป่าตาดเพียงแห่งเดียวเท่านั้น แต่ตอนไปไม่เจอเพราะหมดหน้าวัฎจักรแล้วเลยอดเห็น ถ้าใครอยากเจอแนะนำให้ไปหน้าฝน

หุบป่าตาด
ที่อยู่ : ตำบลทุ่งนางาม อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี
เบอร์ติดต่อ : เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำประทุน 0 5698 9128, 08 4819 7855, 08 9270 7412
เวลาเปิด-ปิด : เข้าชมได้ทุกวัน 8.00-16.00 (ห้ามเข้าหลัง 4 โมง)
ค่าธรรมเนียม :
– คนไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท
– คนต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
ช่วงเวลาแนะนำ : ตลอดทั้งปี แต่ถ้าอยากเห็นกิ้งกือมังกรสีชมพู แนะนำให้มาในช่วงฤดูฝนจะพบเห็นได้ง่าย และควรมาช่วงเวลา 11.00-13.00 เนื่องจากแสงอาทิตย์จะส่องกระทบมาที่ถ้ำพอดี ทำให้เกิดแสงที่สวยมาก

จากนั้นเราไปต่อกันที่ห้วยขาแข้ง ขับไปต่อประมาณ 40-50 นาทีเพื่อเข้าไปที่ เขตรักษาพันธุสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง โดยตอนแรกเราตั้งใจจะมาดูป่ามาก และเริ่มอยากจะมาดูสัตว์ 555 เข้าไปข้างในใช้เวลาซักพักเลยเหมือนกัน ทางไม่ค่อยเรียบ ต้องระวังนิดนึง มีค่าธรรมเนียมเข้าและค่าธรรมเนียมรถ เราไปแวะกันที่บ้าน คุณสืบ นาคะเสถียร ท่านเป็นผู้ที่ทำเราให้มีป่าที่อุดมสมบูรณ์อย่างที่เป็นอย่างทุกวันนี้ โดยห้วยขาแข้งจัดเป็น ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ โดยองค์การยูเนสโกอีกด้วยย

บ้านที่ท่านพักยังถูกจัดให้ชมอย่างดีรวมถึงอนุเสาวรีย์ของท่านด้วยค่ะ ท่านใช้ชีวิตสมาถะมากๆ บ้านเป็นบ้างชั้นเดียวหลังเล็กที่มีห้องอยู่สามห้อง เราไม่สามารถเข้าไปข้างในแต่งสามารถมองจากหน้าต่างข้างนอกได้ หน้าบ้านจะมีประวัติความเป็นมาของท่านตั้งแต่การเริ่มตั้งใจเรียนทางด้านนี้โดยตรงจนได้ทำงานในกรมป่าไม้ เรารำลึกถึงบุญคุณท่านที่ทำให้เรายังมีป่าผืนนี้อยู่ค่ะ

จากนั้นเราเดินกลับไปที่จอดรถ เราได้ติดต่อเจ้าหน้าที่เรื่องการเดินป่าในวันนี้ เราสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ตอนมาถึงให้พาชมได้เลย แต่ในกรณีค้างคืน จะต้องบอกเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าอย่างน้อย 15 วันล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่ การเดินป่ามีทั้งเส้นสั้นและยาว เริ่มจากเส้นสั้น 3 กิโลฯและ 7 กิโลฯแล้วแต่เราจะต้องการ ซักพักเจ้าหน้าที่เดินมาถามจุดประสงค์ว่าอยากมาดูป่าหรือสัตว์ ด้วยความที่ในหัวก็อยากเจอสัตว์ป่า เราเลยบอกไปว่าดูสัตว์ ทางเจ้าหน้าที่เห็นเวลาบ่าย 2 กว่าๆแล้วจะไม่ทันเลยบอกให้ไปอีกส่วนหนึ่งดีกว่า เป็นส่วนที่มีสัตว์ เราจึงขับรถไปอีกทางนึงแทนเดินป่าเพราะเจ้าหน้าที่บอกว่าเดินคล้ายๆเดินป่า ก็เชื่อสิคะ 5555 สรุปว่าพอมาถึง ก็ได้เห็นเหมือนสวนสัตว์ดีๆนี่เอง มีควาย นกต่างๆ ถูกจับอยู่ในกรง ส่วนนี้ของอุทยานได้ทำเป็นศูนย์เพาะพันธ์ุสัตว์ป่า มีกวางและสัตว์ป่าอื่นๆ ชะนี โดยเฉพาะนกค่อนข้างเยอะ แต่เรารู้สึกเสียใจที่อดเดินป่าา เพราะเราสามารถเห็นอะไรแบบนี้ได้ที่สวนสัตว์ ดันคิดไปเองว่าจะเจอตามป่าเขา 555 ขอแนะนำให้เดินป่าดีกว่านะเพื่อนๆ ถ้าเผื่อฟลุ๊คก็อาจจะได้เห็นสัตว์ในป่าบ้างจ้า

Tips: ผู้ที่สนใจเดินป่า สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่เมื่อไปถึงได้เลย โดยจะมีเจ้าหน้าที่ดูแลตลอดทาง กรณีต้องการค้างคืนต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 15 วัน แนะนำให้เดินป่า มีให้เลือก 3และ7กิโลเมตร แล้วแต่ความอีดของแต่ละคนน

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง

ที่อยู่: เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี
การเข้าพักแรม: ต้องไปติดต่อด้วยตนเองอย่างน้อย 15 วันล่วงหน้า ที่ฝ่ายจัดการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช
เบอร์ติดต่อ: โทร. 0-2561-4292-3 ต่อ 765 หรือฝ่ายประชาสัมพันธ์เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง โทร.
08-5725-8433

เราไปกันต่อกับเขื่อนทับเสลา เขื่อนที่อยู่ในประเวณป่าห้วยขาแข้ง ซึ่งมีความสวยงาม ตอนแรกเรากะจะมาจะมาพักที่นี่ แต่ห้องพักรับรองเต็มไปเรียบร้อยอีกละจ้าา แนะนำให้จองล่วงหน้าสองอาทิตย์ เรามาถึงที่นี่เร็วไปนิดด กะจะอยู่ถึงซักเกือบหกโมง สุดท้ายรอไม่ไหวเพราะที่พักเรากลับไปอีกค่อนข้างไกล แต่ก็ได้วิวสวยๆมาบ้างค่ะ

ทางมาเขื่อนมีสองทาง ทางแรกคือทางที่เรามาสามารถเปิด google map มาได้เลยเขื่อนทับเสลาหรืออีกทางเป็นทางที่ถามชาวบ้านมา ซึ่งจะอ้อมไปอีกฝั่งของเขื่อนซึ่งมีความสวยงามเช่นกัน ซึ่งเป็นทางที่ปล่อยน้ำออกจากเขื่อน แต่ไปยาก เพราะทางเข้าค่อนข้างวิบาก เลยไม่แนะนำถ้าเป็นรถเก๋งธรรมดา จริงๆเราก็อยากไปนะ แต่รถที่ขับไม่ใช่ของเรา เกรงใจเลยอดไปต่อ เราไปเดิมด่อมๆมองๆดูชาวบ้านกันไปซักพัก ที่นี่เหมือนเป็นแหล่งหาหอย ปู ปลาของเค้าเลย ตอนเช้าที่นี่น่าจะสวยมากแน่ๆถ้ามีหมอกอ่อนๆ วิวภูเขาสลับซับซ้อนอยู่ข้างหลัง

เขื่อนทับเสลา
ที่อยู่: ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลระบำ จากอำเภอลานสัก ไปตามทางหลวงหมายเลข 3438 เป็นระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร ตรงหลักกิโลเมตรที่ 47 จะถึงทางแยกเข้าเขื่อนทับเสลา เข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร ก็จะถึงจุดชมวิว หากมาจากตัวเมืองทางเข้าจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ
เบอร์ติดต่อ:05-652-0826, 05-652-0826
เบอร์ติดต่อบ้านพักรับรอง: 058-579099,098,750,9912

ประมาณ 5 โมงเราขับรถกลับไปแถวๆลานสักที่เราจากมา เนื่องจากพรุ่งนี้พวกเราจะลงใต้กัน และด้วยความหิวเราเลยไปแวะแถวตัวเมืองอำเภอลานสักเพื่อหาของกินกันก่อนค่ะ พอมีคนอยู่บ้าง ตลาดยังเปิดและผู้คนเริ่มออกมาหาของกินกัน ถามชาวบ้านว่าร้านไหนเด็ดเลยได้ไปกินร้านข้าวตามสั่งร้านนึงที่รสชาติอร่อยมาก ใครจะไปแวะกินอะไรก็แนะนำร้านนี้นะ ที่อุทัยจะมีเมนูนึงที่เราเจอทั่วไปตามร้านตามสั่งที่นี่คือ ข้าวผัดห่อไข่ แค่ชื่อก็น่ากินแล้วเนอะ เราเลยสั่งมาลองรอบนึง ไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะหิวจัด 555 แต่คืออร่อย!และถูก ข้างในอาจจะบอกได้ว่าเป็นไก่หรือหมู

จากนั้นเราตรงยาวไปที่พักของเราวันนี้ ชื่อ บ้านภูผา รีสอร์ท เป็นรีสอร์ทเล็กๆ ที่วิวหลักแสน ราคาหลักร้อย ถึงแม้ว่าจะมืดแต่เราสามารถเห็นได้ชัดๆว่าบ้านแต่ละหลังคืออยู่หลังภูเขา ติดกับภูเขาจริงๆ เดินออกหลังบ้านแปปเดียวคือถึงแล้ว ไม่อยากจะคิดว่าตอนเช้าจะสวยขนาดไหน ดาวสวยมากค่ะ เพราะว่าตรงภูเขาค่อนข้างมืด ใครอยากดูดาวแนะนำปิดไฟนอกบ้าน จะเห็นได้ชัดมาก เต็มท้องฟ้าเลย เรื่องของห้องต้องบอกตรงๆยังไม่ได้ดีหรือเก๋ไก๋มาก พออยุ่ได้ ห้องน้ำเก่าไปนิด ฝุ่นแอบเยอะ แต่ด้วยราคานี้และวิวแบบนี้เราพอให้อภัยได้  5555 จริงๆบ้านมีให้เลือกหลายแบบค่ะ ตอนเราจองเราได้บ้านหลังเล็กเหลือหลังเดียว แต่บ้านอื่นที่ใหญ่กว่าและมีสองชั้น อาจจะดูดีกว่าค่ะ ยังไงก็ยังแนะนำนะถ้าไม่คิดมากเรื่องห้อง

Day 3: 10 December 2017
ตอนเช้าเราตื่นมาประมาณ 6-7โมงเผื่อจะออกมาดูหมอกแต่วันนี้ไม่มีหมอกเลย สงสัยจะร้อนไป (แต่เมื่อคืนอย่างหนาว) ซักพักเลยไปทานข้าวเช้าและได้คุยกับเจ้าของที่พัก ซึ่งเป็นคนใจดีและน่ารักมากก คุยกันไปยาวมากถึงว่ามาเปิดที่นี่ได้ยังไง ตอนนี้เป็นยังไง อยากให้ลองมาอยู่ที่นี่นะ ถ้าปรับเปลี่ยนอะไรได้อีกนิดหน่อย ที่นี่คือโอเอซิสดีๆนี่เอง ขอเสริมว่าที่น่าเที่ยวอีกที่ของอำเภอนี้คือเขาปลาร้า ซึ่งเราสามารถขึ้นไปดูภาพเขียนสมัยยุคก่อนประวัติศาสตร์ได้ซึ่งใช้เวลาเดินประมาณ 3 โมงขึ้นไปบนเขา เราอยากไปมากแต่ไม่มีเวลาไปค่ะ เค้าบอกข้างบนสวย คราวหน้าจะไปพลาดแน่นอน หลังจากเม้ามอยเดินดูธรรมชาติรอบๆซักพักใหญ่ เราก็ต้องเดินทางต่อไปที่ อ.บ้านไร่แล้วค่ะ

บ้านภูผา รีสอร์ท
ที่อยู่: 44/1 หมู่ 3 บ้านชายเขา ต.ทุ่งนางาม, ลานสัก จ.อุทัยธานี 61160 
Facebook: https://www.facebook.com/BaanPhuPha/
เบอร์โทร: 080-343-0034,081-303-8801

จากที่นี่ไปบ้านไร่ประมาณ หนึ่งชั่วโมงนิดๆ ระหว่างทางวิวสวยดีค่ะ ชอบเวลาได้เห็นภูเขาอยู่กับทุ่งนา รู้สึกเป็นภาพที่เห็นได้ไม่บ่อย ภูเขาก็ไม่ได้ใหญ่เหมือนทางภาคเหนือ

ที่แรกที่เราจะไปวันนี้คือ วนอุทยานถ้ำเขาวงค่ะ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งที่ติดกับอุทยานแห่งชาติพุเตย ที่นี่จริงๆถูกพบด้วยพระสงฆ์ซึ่งเลือกที่มาปฏิบัติธรรมที่นี่และค่อยๆสร้างที่นี่ให้ดีขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากมีญาติโยมเริ่มมากันมากขึ้นน วันนี้เรามานั่งกินข้าวที่นี่และมาดูกราบพระข้างในวัดกัน วัดดูมีความขลัง สามารถเดินขึ้นไปได้ 4 ชั้นละเดินขึ้นไปได้อีกถ้าอยากชมถ้ำแต่ต้องขึ้นไปอีกซักพัก ท่ีนี่มีของขายตลอดทางทางเลยด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นของแนวคล้ายๆโอทอปกับของกิน

อุทยานถ้ำเขาวง
การเดินทาง: จากอำเภอบ้านไร่ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 3011 สายบ้านไร่-พุบอน ผ่านโค้งศาลเจ้าพ่อเขารัก จนกระทั่งถึงทางแยกที่มีป้ายบ้านอีหลุม-บ้านเขาพุเตย เลี้ยวขวาไปอีกประมาณ 6 กิโลเมตร ผ่านทางเข้าวัดถ้ำเขาวงมาอีก 3 กิโลเมตร จะถึงทางเข้าถ้ำพุหวาย
เวลาเปิด-ปิด: 08.00 – 16.30
เบอร์ติดต่อ: 0 5651 4651-2

หลังจากนั้นตอนแรกเราจะไปถ้ำพุหวายกัน แต่สุดท้ายเราเปลี่ยนแผน จะไปน้ำผาร่มเย็นกันก่อนเนื่องจากเวลาไม่พอ น้ำตกร่มเย็นได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในอำเภอนี้ ตอนแรกลังเลระหว่างจะไปน้ำตกไซเบอร์กับที่นี่ แต่ได้ยินว่าน้ำตกไซเบอร์เดินทางเข้าไปยากกว่า ขับไปรถไปซักพักใหญ่เหมือนกันเพราะเป็นทางขึ้นเขา ไม่สามารถใช้ความเร็วมากได้ เราตามกูเกิ้ลไปปกติเลย ก็เจอป้ายเล็กๆของน้ำตกนี้ค่ะ ที่แปลกคือเงียบมากก 5555 มันไม่มีคนเลย!ก็มีความแอบกลัวๆกันิดนึง เดินลงไปไม่นานก็เจอน้ำตก แต่ที่แปลกคือเราเจอเหมือนลำธารจิ๋วมากกว่าน้ำตก เหมือนน้ำตกจริงๆต้องขึ้นไปอีกแต่บันไดทางขึ้นหักลงมาหลายซี่ ทำให้ขึ้นไปไม่ได้ สรุปเลยได้ยืนจ๋อยๆถ่ายรูปกันไปนิดหน่อย งงๆเหมือนกันนะ เพราะว่าน่าจะเป็นที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ก็หวังให้เจ้าหน้าที่เข้ามาปรับปรุงพื้นที่ให้ดีกว่าเดิมเนอะ

น้ำตกผาร่มเย็น

การเดินทาง: จากอำเภอบ้านไร่ ใช้ทางหลวงหมายเลข 3011 สายบ้านไร่-พุบอน จนกระทั่งถึงทางเข้าบ้านใหม่ร่มเย็น เลี้ยวขวาเข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร จะถึงปากทางเดินเท้า จากนั้นเดินเท้าสู่น้ำตกอีก 400 เมตร ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
ต้องการคนนำทางติดต่อได้ที่ :องค์การบริหารส่วนตำบลเจ้าวัด โทรศัพท์ 0 5698 4069 หรือติดต่อผ่านห้วยป่าปก รีสอร์ท โทรศัพท์ 0 5659 6150-4
เบอร์ติดต่อ: 0 5651 4651-2
เวลาเปิด-ปิด: 08.30 – 17.00 ทุกวัน

เราไปต่อกันอีกที่ๆเราจะไปวันนี้คือ แก่นมะกรูด ระหว่างทาง เราชอบทางมากค่ะ ทางสวยมากเลย เหมือนเราหลุดไปอยู่ในป่าเลย อีกหนึ่งสิ่งที่ควรไปทำในการมาอุทัยฯสำหรับเราคือขับรถไปแก่นมะกรูดค่ะ!

ไปอ่านมาว่ามีดอกไม้สวยงาม รวมไปถึงพืชเมืองหนาวด้วย ที่แก่นมะกรูดไม่ได้ใหญ่มาก มีดอกไม้ให้ดูสองจุด ที่งสองจุดไม่ได้ใหญ่อย่างที่คิดแต่ดอกไม้สวยดีค่ะ ที่นี่ก็มีตลาดสดด้วยนะ ส้มโอถูกมากกก ราคาโลละ 25 บาทคือต้องมาซื้อ หลักๆเรามองว่าที่เฉยๆนะ แต่เหมาะกับคนที่ชอบดูดอกไม้ แต่ก็ยังอยากแนะนำให้มาเพราะวิวข้างทางระหว่างมาสวยมากค่ะ

แก่นมะกรูด
เวลาเปิด-ปิด: ไม่มีเวลาแน่ชัดเแต่แนะให้มาก่อน 4 โมงก่อนของในตลาดจะหมด หรือมาช่วงเช้าตั้งแต่ 8 โมงเพื่อไม่ให้แดดร้อนจนเกินไป
Facebook: www.facebook.com/ Kaen-Makrut-Ban-Rai-Uthai-Thani
การเดินทาง: ใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 340 บางบัวทอง-สุพรรณบุรี แล้วไปเข้าเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 333 ผ่านตำบลสระกระโจม อำเภออู่ทอง ตำบลหนองขาม อำเภอหนองหญ้าไทร ตำบลวังคัน อำเภอด่านช้าง ไปจนถึงอำเภอบ้านไร่ จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 3011 สายบ้านไร่-พุบอน ประมาณ 20 กิโลเมตร สุดถนนลาดยาง แล้วไปตามถนนลูกรังอีก 1 กิโลเมตร

จากนั้นเราจะเดินทางต่อไปที่ๆพักของคืนสุดท้ายนี้ นั่นก็คือ Avatar Resort and Spa ค่า เรารู้จักที่นี่เนื่องจากเราเคยมาทำ hotel inspection แล้วรู้สึกประทับใจconcept “ถ้ำ” ของที่นี่ เลยตัดสินใจมาพักที่นี่เป็นเวลาหนึ่งคืน โดยได้รับอัพเกรทจากห้อง deluxe เป็น ห้อง executive room ทางชั้นล่างเนื่องจากมากันสามคน concept ถ้ำของที่นี่สามารถสื่อถึงได้ชัดเจน ตั้งแต่ล๊อบบี้ที่มีการทำเลียนแบบลายภาพก่อนยุคประวัติศาสตร์ จนไปถึงในห้องที่เพดานเป็นหินงอกหินย้อย!

สามารถปั่นจักรยานกลับห้องก็ได้ค่ะ ที่นี่มีให้บริการขี่จักรยานได้ฟรีในรีสอร์ทเพื่อใช้ไปสถานที่ต่างๆ อีกไฮไลท์นึงเลยคือสระว่ายน้ำ! วิวคือดีอันดับหนึ่ง! เราไม่ได้ลงไปไว้เพราะขี้เกียจตัวเปียกแต่วิวฟินสุด สระว่ายน้ำที่นี่ยาวและใหญ่และตั้งอยู่ท่ามกลางถูเขาที่โอบล้อมอยู่ แต่สระว่ายน้ำดูยังดูแลได้ไม่ดีเท่าที่ควร ถ้าน้ำสะอาดกว่านี้หน่อยคือเพอเฟคมาก โต๊ะพูลก็สามารถใช้เล่นได้ฟรีค่ะและมีห้องประชุม ห้องนั่งเล่น ฟิตเนสให้ได้ใช้อีกด้วย 

ตอนเย็นๆเราออกไปหาอะไรกินข้างนอกกัน จากโรงแรมไปตัวเมืองบ้านไร่ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที ตัวเลือกค่อนข้างเล็ก ไม่ได้มีตัวเลือกอาหารมาก สรุปได้ไปจัดก๋วยเตี๋ยวพริกกะเหรี่ยงและจัดหม่าล่าไป นี่ขนาดไม่ค่อยมีอะไรแต่หม่าล่ายังมาโผล่ที่นี่ได้ และยังมีเซเว่นช่วยชีวิตของเราเอาไว้ จากนั้นเรากลับไปที่โรงแรมเพราะกะจะไปดูดาวกัน! ข้างบนห้องอาหารมีrooftop เราเลยขึ้นไปถ่ายดาวกันค่ะ ยังเพิ่งฝึกๆลองดูกันนะ

Day 4: 11 December 2017

วันรุ่งขึ้นเราก็ตื่นเช้ามาทานอาหารเช้ากันและอยู่ที่รีสอร์ทกันชิวๆยาวเลยค่ะ วิวจากห้องเราสวยมากเลย ระเบียงตรงนี้สามารถเห็นวิวภูเขาแหละหมอกสวยๆได้เมื่อมีอากาศหนาวๆ นี่คือเพอร์เฟควิวสำหรับตอนเช้ามากๆ

จากนั้นเราไปรับประทานอาหารเช้ากันค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็น American Breakfast และ Asian Breakfast ขอการันตีว่าข้ามต้มที่นี่อร่อยมั่กก จากนั้นก็อยู่คนถึงเวลาเชคเอ้าท์ค่ะ ติดเล่นพูล 555 หลังจากเชคอินเราก็ตรงกลับกรุงเทพฯแล้วค่ะ สุดท้ายเลยอดไปถ้ำพุหวายเลยเพราะเวลาไม่พอ มีใครได้มีโอกาสไปบอกด้วน้าเป็นยังไง

Avatar Resort and Spa

Website: http://www.avataarange.com
Facebook: https://www.facebook.com/AvatarMiracle/
Line ID: avatar miracle
เบอร์โทร: 081 618 0562
ที่อยู่: 454 หมู่ 3 ตำบล บ้านไร่ อำเภอ บ้านไร่, บ้านไร่, อุทัยธานี  61140

หลังจากจบทริปเราได้สรุปกันคร่าวๆว่า อุทัยธานีเป็นเมืองที่มีความ unique มีความเป็นตัวเองและมีความน่าสนใจ ใครจะไปคิดว่าจังหวัดทางภาคกลางจะมีทั้งภูเขา แม่น้ำ ถ้ำ ป่า และทุกๆอย่างที่ยังอุดมสมบูรณ์โดยที่ไม่ต้องไปที่ไหนไกลๆ เราอยากให้คนเข้ามาสนับสนุนพิ้นที่นี้มากขึ้น ให้ชาวบ้านได้มีรายได้ ให้การท่องเที่ยวได้พัฒนาไปได้อีกเรื่อยๆ สำหรับ 4 วันบางครั้งก็ยังไม่พอ ถ้าใครต้องการสูดอากาศบริสุทธิ์ ดูภูเขาหรือแม่แต่จะเที่ยวชิวๆ ลองมองอุทัยธานีเป็นตัวเลือกดูนะคะ ไม่แพ้จังหวัดไหนในประเทศไทยแน่นอน แล้วพบกันใหม่บล๊อคหน้านะจ้า