JAIPUR In A Glimpse – ไจปูร์ ไม่ได้มีแค่สีชมพู
เมืองไจปูร์ เมืองสีชมพูที่ใครๆต่างก็พูดถึง มันต้องมา! เมืองในแคว้นชัยปุระที่มีความสวยงามในด้านสถาปัตยกรรมอย่างมาก แต่ที่หลายแห่งในไจปูร์ที่เราจะพาไปก็ไม่ได้สีชมพุไปซะทั้งหมด! ไว้เราจะพาไปดูกันเราเลือกไจปูร์เป็นเมืองที่สองในการเดินทางมาเยือนอินเดียครั้งนี้ด้วยกัน เนื่องจากเป็นทางผ่านไป Jaisalmer ที่เราผ่านมาและเพื่อจะไปต่อเดลี บินไปเลห์ ใน EP. ต่อไป เรามาเยือนในเดือนที่เรียกได้ว่า ร้อนตับแตกที่สุดแล้วก็เป็นได้…
หลังจากจบกับทริปผจญภัยนอนกลางทะเลทรายที่ Jaisalmer กันแล้ว เราก็นั่งรถไฟจาก Jaisalmer มาต่อกันที่เมือง Jaipur หรือเมืองสีชมพูที่ใครๆก็มากันน ซึ่งที่เที่ยวเยอะจนแทบไปกันไม่ทันเลยแหละ สถานีรถไฟ Jaipur มีความวุ่นวายอยู่เสมอๆโดยที่เรามาถึงในตอนเช้า แนะนำให้ดูเวลาดีๆ เพราะจะไม่มีการประกาศหรือมีการเตือนใดๆที่บอกว่าสถานีต่อไปเราจะต้องลงแล้วนะ! จากกระทู้เก่าสามารถเช็ค status ของรถไฟแบบ real time ได้ ตามลิ้งค์นี้: https://www.irctc.co.in/nget/train-search
Tips: ถ้าไม่ได้คิดจะมาเที่ยวเลห์ต่อ แนะนำให้มา Jaipur ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมน่าจะตอบโจทย์สุด อันนี้เรามาช่วงสิงหาคมที่อากาศร้อนเป็นไฟ!
อ่าน EP 1: Jaisalmer ได้ที่: https://shortywander.wordpress.com/2019/02/18/jaisalmer-your-exclusive-desert-safari/
การเรียกแท็กซี่ที่อินเดีย เราจะแนะนำให้เรียก Uber เพื่อเลี่ยงการโกงของแท็กซี่ แถมราคาถูกว่า มีรถให้เลือกเสมอ โดยเราจะเอาของไปเก็บที่โรงแรมกันก่อนและอาบน้ำแต่งตัวหลังจากตัวเน่ามาทั้งคืน แต่คราวนี้เราใช้ shuttle service ของทางโรงแรมให้เค้าเรียกรถให้เลย หารกันตกประมาณ 100 กว่าบาท
ระหว่างทางเข้าไปในเมือง เราจะเริ่มเห็นบ้านเรือนที่มีสีชมพูเข้มทั้งสองข้างทาง เข้ากับชื่อเสียงความเป็น “เมืองสีชมพู” ซะเหลือเกิน รถค่อนข้างจะติดเพราะมีจราจรหนาแน่น ไม่แน่ใจว่าที่นี่กับที่กรุงเทพฯ อันไหนติดกว่ากัน
The Umaid Villas
ที่พักวันนี้เป็นที่ๆเราตื่นเต้นที่สุดในทริปเพราะตอนจอง รูปห้องสวยมาก แถมถูกมากอีกต่างหาก เอาเป็นว่าเป็นห้องนอนที่หรูที่สุดในทริปนี้เลย โดยที่พักเราชื่อ “The Umaid Vilas” พ่วงมากับ butler ที่จะคอยดูแลเราเช้า สาย บ่ายเย็น ยันดึก ชื่อพี่ Govind
ที่พักตั้งอยู่กลางใจเมืองไจปูร์ ทำให้การเดินทางของเราค่อนข้างง่าย สามารถเดินไป Hawa Mahal ได้ในประมาณ 10 นาที ประเด็นคือราคาดีมากก พักสี่คนราคาห้องแค่ 2,062 บาทตอนเราจอง!! ตกคนละห้าร้อยกว่าบาทเท่านั้น แต่ที่พักมันดีเกินราคาไปมาก มันเป็นยังไง เดี๋ยวจะพาไปดู..
ตอนแรกเราตกใจกับทางเข้าหน่อย เพราะไม่ได้ดูหรูหรา อย่างที่คิด เราได้เจอกับพี่ Govind แสนใจดี คนที่เราส่ง message ด้วยตลอด ซึ่งจะมาเป็น butler ตลอดเวลาที่เราอยู่ที่นี่ ต้องบอกเลยว่าดูแลเราดีมากกก ไม่ใช่แค่เสริฟอาหาร ดูแลทำความสะอาดห้องอย่างเดียว แต่ยังพาไปเดินซื้อของ ดูของมากมายสารพัดอีกด้วย คือต้องยอมให้ทิปจริงๆ หลังจากงงๆกับทางเดินเข้าโรงแรมแล้ว พอเข้าไปถึงห้อง โอ้วโหววว ดีกว่าที่คิดไว้มากกก
ห้องประกอบไปด้วย ห้อง reception ที่เต็มไปด้วยกรอบรูปและโต๊ะเช็คอิน ไปๆมาๆเพิ่งรู้ว่าที่นี่เป็นเหมือนคฤหาสน์หรือที่ประทับของเชื้อพระวงศ์อินเดียมาก่อน !?! โอ้ มาย ก๊อด ที่แบบนี้จะไปหาจากที่ไหนได้! เดินขึ้นบันไดไปนิดนึงจะเจอห้องรับแขกและห้องทานข้าว ครัวก็มีเช่นกัน แต่ที่ดีงามที่สุดก็คงหนีไม่พ้นห้องนอนของเรา ที่ให้อารมณ์ความเป็นอินเดียอย่างแท้จริง ยังมีรูปของเจ้าของบ้านที่นี่อยู่เลย 555 ข้าวของเครื่องใช้ที่นี่คือไม่กล้าแตะคือดูดีเกินไป ห้องน้ำก็สวย ถึงแม้จะไม่ได้ได้ practical สุด แต่เอาเป็นว่าโดยรวมแฮปปี้กับที่พักเราอันนี้มากๆและอยากแนะนำให้มาพักกันเพราะราคาดีสุดๆ เหมาะกับการมากับเพื่อน 3-4 คนเพราะห้องนี้สามารถนอนได้สี่คนเลยมีเดียว
หลังจากดี้ด้า ถ่ายวิดีโอ ถ่ายรูปกันจนหนำใจ ก็เตรียมอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะออกไปข้างนอกกัน เป็นเวลาบ่ายกว่าๆแล้ว ทุกคนยังไม่ได้กินอะไรมาเลย ซึ่งชั้นสองของที่พักจะเป็นร้านอาหารชื่อ Midtown เราเลยได้มาฝากท้องไว้ในมื้อแรกนี้เพราะรีวิวใน tripadvisor ค่อนข้างดีและอยู่ใกล้ที่พักมากด้วย รสชาติดี ราคาโอเค ถือว่าใช้ได้เลย วันนี้พวกเราชิวๆกันอยู่ในเมือง ไม่ได้ออกไปไหนมาก แค่อยากเดินเล่นนิดหน่อยเท่านั้น โดยวันนี้หลักๆเราต้องการจะ shopping เพราะหลังจากนี้เราจะไม่ได้มีโอกาสเข้ามาในเมืองกันแล้ว
แถวๆที่เราอยู่เป็นแหล่งขายผ้าราคาไม่แพง (ต้องให้พี่เค้าพาไปร้านที่เค้ารู้จัก สามารถต่อรองราคาได้) โดยตอนแรกพี่ Govind ที่แสนใจดี บอกจะมาส่งเฉยๆ แต่สุดท้ายพาเดินยาวซะงั้นนน ในร้านมีผ้าให้เลือกเยอะมากก และขายกันเก่งมากก พูดโน้มน้าวใจได้เด็ดดวงไม่แพ้ชาติใดเลยทีเดียว จากที่จะเอาแค่นิดหน่อย ได้กันไปเยอะเลยจ้า พี่แกขายเอาๆ โชว์ผ้านู่นนี่ ผ้าสาหรี่ มีการพันผ้าให้เรียบร้อยทั้งตัว ขายชุดสาหรี่แล้วยังขายชุดผู้ชายอีกด้วย ซึ่งได้ซื้อให้พ่อไปเรียบร้อยแล้ว และผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่อีกมากมาย 555 เสียดายไม่รูปให้มาโชว์
จากนั้นเราเดินเล่นหาของต่อ โดยไปหาร้านชา เราติดใจชาอินเดียมากก อยากซื้อกลับไปดื่มที่บ้าน คุณ Govind เลยอาสาพาไปร้านชา ซึ่งขายชาจริงจังมาก (กลับมาลืมวิธีชงหมดแล้ว ไม่อร่อยเลย แง) ถือว่าเป็นของน่าซื้อกลับไปเช่นกันน แต่ยังไงแนะนำให้แน่ใจว่าจำวิธีชงชาได้เพราะที่นี่ไม่ได้ขายชาเป็นถุงๆ แต่ต้องนำมาลงเอง แต่ชาอินเดียแบบสำเร็จรูปอาจจะมีขายตามห้าง สามารถไปเลือกดูได้
ระหว่างทางเราก็สำรวจตลาดไปเรื่อยๆ มีของขายมากมาย เครื่องประดับก็มีเยอะ แอบแพงด้วยซ้ำเพราะแถวนี้เป็นตลาดสำหรับ tourist บางคนมาขายของแบบเนียนมาก ถามจากว่าอยู่ที่ไหน สามารถพูดคุยได้เรื่อยเปื่อยสุดท้ายชวนซื้อรองเท้า มีความงงใจมาก แต่ต้องยอมรับว่าคนที่นี่ขายกันเก่งจริง
ไฮไลท์ที่สุดของเราในวันนี้คือ การถล่มร้าน Himalaya นั่นเองจ้า พี่ Govind ของเราช่างน่ารัก พยายามเซาะหาร้าน Himalaya กันให้ได้ ร้านที่ใกล้ที่สุดห่างจากที่พักอยู่ 20 นาที ฟังดูไม่นานกับความร้อนระดับ 5 ดาวก็เหงื่อซกใช้ได้เหมือนกัน เดินไปเดินมาจนถึง Jal Mahal เดินเลยไปไม่นาน พวกเราไม่รอช้า จัดการละเลงซื้อของในร้านกันเป็นตะกร้าเลยจ้า ที่นี่ขายถูกแบบมากๆ โฟมล้างหน้าดีๆของ Himalaya ยังราคาไม่ถึงร้อย ในร้านมีทุกผลิตภัณฑ์ของ Himalaya ที่ต้องการ ทั้งครีมใต้ตาที่เค้าบอกกันว่าดีมาก ครีมลอกหน้า (ลอกสนุกมาก) ลิปมันและอีกมากมาย ซื้อจนล้มละลาย หมดไปหลายพัน แต่ได้ของฝากครบถ้วนกันแบบไม่ต้องไปแวะร้านไหนอีกแล้ว แบกกันไปแบบหนักหน่วงมาก แต่มีคุณ Govind ช่วยพวกเรา หลังจากช้อปสนุกกันมากมายเงินกระจายแล้ว ไม่มีรูปเพราะต่างคนต่างใช้เวลาอันมีค่าในการช้อปปิ้งจนเงินหมด
แพลนของเราวันนี้คืออยากไป Amer หรือ Amber Fort ในช่วงเย็นเพราะไปอ่านรีวิวมาว่าไฟสวยและอาจจะมีเล่นแสงสีเสียง คุณ Govind บอกว่าป้อมที่เราจะไปปิดสามทุ่มครึ่ง และเรายังมีเวลา เราเลยเรียก Uber ไปที่ป้อมประมาณสองทุ่มกว่าๆ แบบชิวๆ แต่หลังจากที่เราพยายามถ่อจนไปถึง ปราสาทดันปิดไปแล้ว โดยบอกว่าปกติมันก็เปิดแหละที่วันนี้ไม่เปิด.. ความโชคดีมันตกอยู่ที่พวกเรานั่นเอง.. การเช็คข้อมูลที่นี่จะมีความยากในบางที่ ในเว็บไซด์จะไม่ได้มีการอัพเดทการเปิดปิดแบบ real time เพราะฉะนั้น หรือมีข้อมูลไม่อัพเดท จะต้องเสี่ยงดวงกันไป ถ้าไม่อยากจะมาเสี่ยงก็แนะนำให้แค่มาเดินเล่นในช่วงเช้าจะดีที่สุด
เรากลับถึงที่พักกันประมาณ 4 ทุ่ม เตรียมตัวแพคกระเป๋าเอาไว้อีกครั้งเพราะเราอยู่กันแค่คืนเดียว คืนพรุ่งนี้เรายังจะต้องผจญภัยกันต่อไป คุณ Govind ยังคอยต้อนรับเราอยู่ เพื่อแน่ใจว่าเราถึงที่พักอย่างปลอดภัย หลังจากนั้นเลยบอกให้เค้ากลับบ้านเลยก็ได้ บริการเราดีเว่อวังจนเกรงใจจ
Jaipur Day 2
เราตั้งใจกินข้าวเช้ากันประมาณ 8 โมงกว่าๆ เนื่องด้วยว่าเรามีโปรแกรมมากมายรอเราอยู่ ที่นี่จะเสิร์ฟเป็นแนว Continental Breakfast ไม่ค่อยมีอะไรมาก ขนมปัง แพนเค้กแนวอินเดียๆคล้ายจะเป็นแป้งโรตี ไม่รู้มันคือแป้งอะไรเหมือนกัน แต่ก็กินได้ มีบิสกิต ชา กาแฟ ตามรูป
หลังจากนัดแนะเรื่องมาเอากระเป๋าในช่วงเย็นกับคุณ Govindแล้ว พวกเราก็ใช้บริการ Uber กันเพื่อจะไปที่แรกก็คือ “Panna Meena ka Kund” แต่คราวนี้ Uber ตัวช่วยของเราเจ้ากรรมมาก หารถนานมาก สรุปรอรถไปครึ่งชั่วโมง กว่าจะไปถึงล่อไปสิบโมงกว่า ระหว่างทางเราผ่าน Amber Fort ที่ๆจะเป็นที่ต่อไปของเราด้วย และเป็นที่ไม่ควรพลาดอย่างมาก!
Panna Meena ka Kund หรือ Stepwells (पन्ना मीणा का कुंड)
ที่ Jaipur จริงๆแล้วจะมีบ่อน้ำโบราณอยู่มากมาย แต่ที่ดังๆจะทีอยู่สองที่ อีกที่หนึ่งอยู่ห่างเมืองไปค่อนข้างไกล แต่จะเป็นอันที่ใหญ่ที่สุดชื่อ Chand Baori ในเมือง Abhaneri ซึ่งต้องเดินทางออกไปนอกเมืองประมาณ 95 กิโลเมตร เป็นบ่อน้ำที่โดดเด่นเนื่องจากเป็นบ่อน้ำที่ใหญ่ที่สุด Epic สุด ส่วนคนที่ไม่มีเวลาเยอะเราก็แนะนำอันที่เราจะไปกันวันนี้ คือ Panna Meena Ka Kund ชื่อยาวแต่ไซส์เล็กกว่า Chand Baori ซึ่งถึงไซส์จะเล็กพริกขี้หนูแต่เป็นที่นิยมมาดูเยอะเช่นกัน ทางเข้ามีความเข้ายากออกยาก ขนาดพี่อินเดียอยู่ที่นี่มา ยังหลงทางเลยอยู่ตลอดเวลา แนะนำให้เช่าเหมาวันหรือให้เค้าหรอเลย เพราะส่วนใหญ่จะเรียกรถแถวนี้ยากเพราะไม่ค่อยมีผ่านมา เศร้ามั้ยละ T_T ใครมันจิไปรู้
บ่อพวกนี้มีไว้ทำอะไร? บ่อน้ำสาธารณะเหล่านี้มีไว้ให้กับประชาชนได้ใช้อาบน้ำ ดื่มน้ำ ต่างๆนานา เป็น Oasis ของคนอินเดียเลยก็ว่าได้ การทำบันไดทะแยงกันมากมายหลายขั้น เพื่อให้สามารถเข้าถึงน้ำกันได้รวดเร็วขึ้น เนื่องด้วยประชากรคนอินเดียมีเยอะ และเพื่อป้องกันการแซงแถวด้วย แถมมีที่นั่งระหว่างทางเดินด้วย ก็มันใหญ่ซะขนาดนั้น! ปัจจุบัน stepwell เหล่านี้ไม่ได้ถูกใช้งานแล้ว แต่ยังทิ้งมรกดลวดลาย ความสวยงาม เกิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นมาถึงปัจจุบัน จะเห็นได้เลยว่าน้ำนั่นเขียวชะอุ่มขนาดไหน เชื่อว่าคงไม่มีใครกล้ารับประทานแล้วแน่นอน ที่นี่จะมียามเฝ้าอยู่ ปกติเค้าจะไม่ให้ลงไปถ่ายรูปเนื่องด้วยอันตราย ส่วนใหญ่ใช้วิธีให้เงิน เค้าจะรับอยู่ประมาณ 100 รูปี (เราถามเค้าว่าอยากได้เท่าไหร่) เค้าก็จะหยวนๆให้แต่ต้องลงตอนไม่มีคน จากนั้นเราก็เริ่มรอๆให้คนหายไปบ้าง แต่พอจะลงทีไรคนมาเพิ่มเรื่อยๆทุกที สุดท้ายเลยไม่ได้ลงเพราะ มัวแต่รอ คงไม่ได้ไปไหนกันพอดี เสียดายมากก แต่เราก็ได้รูปมาเยอะเช่นกัน ที่นี่ไม่ได้มีลวดลายอะไรพิเศษเท่ากับ Chand Baori แต่สำหรับเรา เรามองว่ามันเป็นอะไรที่สวยนะ minimal ดี ฉลาดในการคิดทำเพื่อให้คนอินเดียสามารถใช้ได้เต็มที่ และยังดูสวยงามอีกด้วย หลังจากนั้นเราก็เดินออกมาซักพักใหญ่เลย เพื่อที่จะเรียก Uber เพราะทางในบ่อน้ำเข้าออกยาก ส่วนใหญ่เรียกแล้วจะโดน cancel T_T ในที่สุดเราก็ได้ Uber ไป Amber Fort
Panna Meena Ka Kund
เวลาปิด-เปิด: 7:00-18:00 ทุกวัน
ที่อยู่: Amer, Rajasthan 302028, India
การเดินทาง : เรียก Uber หรือเหมารถหนึ่งวัน
Tips: ลองขอเจ้าหน้าที่เพื่อลงไปถ่ายรูปในบ่อน้ำได้ โดยให้เงินประมาณ 100 รูปีและต้องลงตอนไม่มีคนอยู่ ขึ้นอยู่กับโชคด้วยว่าวันนั้นคนเยอะมั้ย คนคุมใจดีขนาดไหน
Amber Fort or Amer Fort (आमेर क़िला)
เป็นหนึ่งในที่ๆเราชอบมาก ป้อมที่นี่สวยจริงๆ ตั้งอยู่ในเมือง Amer ซึ่งเป็นเมืองชานเมืองที่เล็กมาก ห่างจาก Jaipur นิดเดียว หลายๆเมืองในอินเดียมักจะมีป้อม เหมือนที่เราไปมาที่ Jaisalmer เนื่องจากในประวัติศาสตร์ อินเดียสู่รบกันข้ามแคว้นกันค่อนข้างบ่อย และด้วยความที่ป้อมนี้ใหญ่มาก
การเดินขึ้นก็ใช้เวลาพอสมควรประกอบกับหน้าร้อนใน Jaipur ก็ร้อนจนพูดไม่ออก บางคนจึงเลือกเดินทางขึ้นไปด้วยการขี่ช้าง ขี่ลา ช้างที่นี่ประดับด้วยลวดลายสวยงามมาก เข้ากับความขลังของที่นี่ ราคาอยู่ที่ 1,100 รูปีนั่งได้สองคน แต่เราไม่มีเวลามากมาย เลยตัดสินใจเดินดีกว่า ก่อนหน้านี้ที่นี่เป็นที่ของราชปุต มหาราชา และพระราชวงศ์ของอาเมร์ในอดีตด้วยนะ ข้างนอกยังสวยขนาดนี้ ลองคิดดูข้างในจะสวยขนาดไหน!
ป้อมติดกับทะเลสาบและมีความใหญ่โตมาก และด้วยความที่เราเสียเวลาช่วงเช้าเยอะเกินไปทำให้เรามีเวลาอยู่ที่นี่น้อยมาก ชั่วโมงเดียวเอาไม่อยู่จริงๆ เลยอดเข้าไปข้างใน ☹ จึงได้แค่ชมความสวยงามแค่ด้านนอกเท่านั้น จึงขอแนะนำทุกคนให้เผื่อเวลากับที่นี่เยอะๆเพราะ ทั้งครึ่งวันเช้าเลยก็ได้เพราะเราเชื่อว่าทุกคนจะหลงรักที่นี่แน่นอน เท่าที่ได้ทำ research มา ข้างในและแบ่งเป็น 4 โซนหลักๆ ทั้งยังมีสวนสวยๆอีกด้วย บอกเลยว่าเสียดายมาก แนะนำให้เข้าไปกันนะ
Amber Fort or Amer Fort
ค่าเข้า: 550 รูปี
เวลาปิด-เปิด: 10:00-17:00 ทุกวัน, light shows 19.30 โมงเป็นต้นไป ทุกวัน
ที่อยู่: Devisinghpura, Amer, Jaipur, Rajasthan 302001, India
การเดินทาง : เรียก Uber หรือเหมารถหนึ่งวัน
Tips: แนะนำให้เวลากับที่ซัก 2-3 ชั่วโมง เพื่อความจุใจ บางครั้งมีเปิดตอนเย็นและมีโชว์แสงสีเสียงด้วย ลองเช็คให้แน่ใจอีกทีเนื่องจากข้อมูลการเปิด-ปิดของทาง Fort ไม่ได้อัพเดท และแต่ละเว็บค่อนข้างแตกต่าง
Jai Mahal or Water Palace (जल महल)
ระหว่างทางเข้าไปในเมืองจาก Amber Fort ใกล้ๆกันเราจะเจอกับพระราชวังฤดูร้อนหรือ Jal Mahal ก่อนหน้านี้มีไว้สำหรับราชวงศ์เพื่อพักผ่อนอยู่กลางทะเลสาบมันสกา (Man Sagar) ซึ่งถือว่าเป็นพระราชวังที่มีทิวทัศน์ที่สวยงามจากทะเลสาบและเทือกเขาทางด้านหลัง เรามีเวลานิดหน่อยในการถ่ายรูปเพราะพี่ Uber กำลังรอเราอยู่ ตอนกลางคืนมาถ่านก็สวยเช่นกัน แนะนำเป็นช่วงเย็นประมาณ 6 โมง
พระราชวังกลางน้ำ (Jai Mahal)
ค่าเข้า: –
เวลาปิด-เปิด: ไม่เปิดให้เข้าชม
ที่อยู่: Amer Rd, Jal Mahal, Amer, Jaipur, Rajasthan 302002, India
การเดินทาง : เรียก Uber หรือเหมารถหนึ่งวัน
Tips:
– แวะชมจากทางผ่านที่จะไป Amber Fort ก่อนหรือหลังได้
– ถ้าอยากชมใกล้ๆสามารถนั่งเรือได้เช่นกัน
– แนะนำให้มาถ่ายรูปช่วงเย็น 6 โมงกว่าๆ
– ช่วงเดือนมีนาคมถึงตุลาคมเป็นช่วงที่ดีที่สุดในการชมเนื่องจากเป็นช่วงหน้าฝนและเป็นฤดูดูนก ทำให้ได้วิวที่สวยงาม
Royal Gaitor or Gaitor Ki Chhatriyan (गाइटर की छत्रियां)
อีกสถานที่ๆเราอยากจะนำเสนอมาก แต่ไม่ค่อยเห็นคนมาเท่าไหร่คือ Royal Gaitor ซึ่งอยู่ไม่ห่างจาก Amber Fort มากนัก ที่นี่เป็นเหมือนอนุสรณ์สถานซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงอดีตมหาราชาที่เคยปกครองเมืองนี้ ซึ่งบริเวณนี้เป็นส่วนที่มีการถวายเพลิงพระศพเกิดขึ้นนั่นเอง หลักๆสร้างโดยใช้หินอ่อนเป็นรูปโดมแบบฮินดู สวยเว่อวังมากก ที่นี่ไม่ได้ใหญ่โต สามารถเดินเล่นประมาณชั่วโมงนึงรวมถ่ายรูปแล้วได้อยู่ เราชอบที่นี่นะ เงียบสงบและสถาปัตยกรรมทีความละเอียด สวยงามมาก
Royal Gaitor
ค่าเข้า: 30 รูปี
เวลาปิด-เปิด: 10:00-17:30 ทุกวัน
ที่อยู่: Royal Gaitor or Tumbas, Brahmapuri, Amber Road, Jaipur,Rajasthan
การเดินทาง : เรียก Uber หรือเหมารถหนึ่งวัน
Tips: เนื่องจากสถานที่ไม่ได้ใหญ่มาก แต่ทีความสวยงามและมีสวนด้วย แนะนำเดินให้ครบ หลักๆจะมีอนุเสาวรีย์อยู่ 20 แห่ง
Niros Restaurant
หลังจากนั้นประมาณเกือบบ่ายโมง เรามีแผนเข้าไปในเมืองเพื่อทานอาหารกับร้านที่เราเล็งไว้ว่าอร่อยจาก Tripadvisor พอไปถึงในเมืองฝนตกหนักมากแบบงงๆ สงสัยว่าจะร้อนเกินไป เป็นจังหวะเดี๋ยวกับที่เราจะไปกินข้าวพอดี สุดท้ายเลยเลิกใช้ Uber คันนี้เพราะกลัวพี่เค้าจะรอนาน ร้านอาหารนี้เป็นร้านอาหารสุดหรูของอินเดีย ทางเข้าอาจจะดูเฉยๆแต่จริงๆแล้วข้างในดูดีมาก ได้รับรางวัลมาแล้วมากมาย ทั้งจาก Times เองก็มา บริกรทุกคนใส่สูตรและพูดภาษาอังกฤษได้ดี คนอินเดียที่มากินข้าวที่นี่ก็ดูไม่ใช่ตามที่เราเห็นเดินตามท้องถนนทั่วไป ทั้งมาคุยงาน มาเป็นครอบครัว เราถามคุณพี่บริกรถึงเมนูแนะนำจึงสั่งกันมา 4-5อย่างและแป้งนานที่เรากินกันจนชอบไปซะแล้ว ถ้าเทียบกับราคา ที่นี่คือร้านที่เรากินหรูสุดแล้วในการมาทริปอินเดียครั้งนี้ แต่ก็ตกกันไม่เท่าไหร่
ไม่นานอาหารของเราก็มา พร้อมเครื่องเคียงหน้าตาแปลกๆหลายอย่างอยู่เหมือนกัน วันนี้เรามี Chicken Masala, Chicken Butter และอีกมากมาย จำไม่ค่อยได้ แต่อาหารอร่อยจริง รู้สึกอัพเกรดตัวเองขึ้นมามากในการมาทานอาหารร้านนี้ ห้องน้ำก็สะอาดดี เป็นที่ๆควรมาแวะทำธุระเป็นอย่างยิ่ง 5555 จากนั้นตามด้วยขนมหวาน เราสั่งแค่ไอศกรีมมาทานแล้วดูลาดเลาฝนไปด้วย เพราะก่อนเราจะเข้าร้านพวกเราเปียกไปทั้งตัวด้วยความที่ฝนสาดอย่างหนัก ก่อนไปทางร้านได้นำที่ดับกลิ่นปากแบบที่เราไม่เคยลองมาก่อนมาให้ เป็นเหมือนก้อนน้ำตาลให้ทานกับใบสะระแหน่ ตอนแรกพวกเราก็ไม่กล้ากัน แต่สุดท้ายรสชาติโอเคเลย เหมือนการกินมิ้นท์เข้าไป สดชื่นมากจริงๆ
Niros Restaurant
เวลาปิด-เปิด: 10:00-23:00 ทุกวัน
ที่อยู่: 319, MI Road, Panch Batti, C Scheme, Ashok Nagar, Jaipur, Rajasthan 302001, India
เบอร์โทรศัพท์: +91 141 221 8520
Delivery: https://www.swiggy.com/jaipur/niros-mi-road-c-scheme?utm_source=google&utm_medium=place_action
อาหารแนะนำ: Chicken Masala, Chicken Butter
Hawa Mahal (हवा महल)
ฝนยังปรอยๆ เรามองเวลาคิดว่าต้องไปแล้ว เราออกจากร้านประมาณสามโมงกว่า หาที่เรียก Uber คันต่อไป เราต้องเดินไปพอสมควรจึงจะพอหารถได้ จากนั้นจึงให้รถพาเราไปที่ Hawa Mahal ถึงเราจะเคยมาเดินดูตอนกลางคืนแล้ว แต่ก็สวยไม่เท่าตอนกลางวันจริงๆด้วยสีสันสดใสของตัว Hawa Mahal เวลาที่มาดูดีจริงๆน่าจะเป็นตอนเช้า แต่พวกเราพลาดท่าไปเพราะมัวแต่ไปสายเมื่อเช้า ฟ้าครึ่มเล็กน้อยจากฝนที่ตกไปแล้ว
Hawa Mahal อยู่ใจกลางเมืองไจเปอร์และอยู่ติดกับ City Palace เป็นเหมือนเอกลักษณ์ของเมือง Jaipur เลยก็ว่าได้ Hawa Mahal หรือ พระราชวังแห่งสายลม ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมดห้าชั้นสามารถเข้าเยี่ยมชมได้ โดยมีกระจกถึง 953 บาน! แนะนำให้มาช่วงเช้าเพราะแสงอาทิตย์จะกระทบกับตัว Hawa Mahal ทำให้ได้รูปที่สวยที่สุด ส่วนเราวันนี้มาตอนบ่ายเนื่องจากวางแพลนผิดพลาดเล็กน้อย เราเริ่มจากการไปถ่ายกันใกล้ๆก่อน ลองไปหามุมสูงถ่ายซึ่งมีความยากเว่อวัง 5555 กว่าจะหามุมได้ แถมหลังในตกยังมีความเฉอะแฉะอีกด้วย
หลังจากนั้นเราเดินไปฝั่งตรงข้ามเผื่อจะขึ้นไปหาร้านคาเฟ่ที่อยู่ตรงข้ามกับ Hawa Mahal พอดีเพื่อหามุมถ่ายรูปแถมได้เห็นวิวเมืองไปด้วย เจ้าของร้านพูดคุยเป็นมิตรมาก แถมยังรู้จักนุ่น วรนุช อั้มพชราภาด้วยอ่ะ คือต้องเบอร์ไหน!?! แน่นอนที่นี่คนไทยขึ้นมากันแล้วทั้งนั้นนน พี่เจ้าของก็ช่วยจัดแจงหาวิวสวยๆให้ เราก็หาวิวถ่ายกันทั้งข้างข้างนอกร้าน แถวนี้ยังมีการซื้อเพชรพลอยกันเยอะเช่นกัน หลังจากถ่ายรูปไปซักพัก เจอฝรั่งสองคนเข้ามาคุยด้วยและแนะนำเมืองเผื่อไปเที่ยวรอบหน้าชื่อ Udaipur ฟังดูน่าสนใจมาก ถ้ามีเวลาคราวหน้า ที่นี่ดูเป็นอีกเมืองที่ดูน่าสนใจมากเช่นกัน
Hawa Mahal
ค่าเข้า: 200 รูปี
เวลาปิด-เปิด: 09:00-16:30 ทุกวัน
ที่อยู่: Hawa Mahal Rd, Badi Choupad, J.D.A. Market, Pink City, Jaipur, Rajasthan 302002
การเดินทาง : เรียก Uber หรือเหมารถหนึ่งวัน
Tips: แนะนำให้มาช่วงเช้าเนื่องจากแสงพระอาทิตย์จะกระทบกับหน้าต่างทำให้ได้แสงที่สวยมาก
หลังจากจิบน้ำดูวิว Hawa Mahal ชิวๆไปซักพักแล้ว ซึ่งเป็นเวลา 4 โมงกว่า จะไป City Palace ข้างในก็ไม่ทันเพราะจะปิดแล้ว แถมฝนก็กำลังจะตกอีกระลอก เราได้แต่เดินเข้าไปในรั้วพระราชวังเดินไปรอบๆ
บอกเลยว่าเสียดายมากก วันนี้ผิดแผนไปเยอะ ส่วนหนึ่งเพราะมีฝนด้วย เราเดินไปรอบๆรั้วยังสวย ลิงก็มานะจ้า ซักพักเรารีบเรียกรถกลับโรงแรมเพราะฝนสาดลงมาอย่างแรงง เลยอาบน้ำแต่งตัว กินข้าวเพื่อที่คืนนี้เราจะต้องนั่งรถไฟอินเดียกันอีกรอบเพื่อจะไปสถานีต่อไป นั่นก็คือ เดลีนั่นเองงง ซึ่งเราจะต้องไปสนามบินเดลีเพื่อขึ้นเครื่องในวันรุ่งขึ้นเพื่อบินไป Destination สุดท้าย คือ เลห์ลาดักนั่นเองง ติดตามต่อไปด้วยนะจ้า
ยังไงก็ตาม อยากปิดท้ายด้วยคำแนะนำว่า ให้แพลนมาซัก 3 วัน 2 คืนเถอะ คราวนี้พวกเราอาจจะชะโงกทัวร์เกินไป เวลามันลิมิตเหลือเกิ๊นน ถ้ามีโอกาสคราวหน้า เราจะมาเก็บตกแน่นอน
One Comment Add yours